แบตเตอรี่รถยนต์ การดูแลรักษาแบตเตอรี่รถยนต์ที่...
ReadyPlanet.com


การดูแลรักษาแบตเตอรี่รถยนต์ที่ถูกวิธี โดยสังเขป


การดูแลรักษาแบตเตอรี่รถยนต์ที่ถูกวิธี โดยสังเขป

1. ควรตรวจสอบสภาพของแบตเตอรี่อย่างสม่ำเสมอ อย่าให้มีรอยแตกร้าว เพราะจะทำให้น้ำกรดรั่วและแบตเตอรี่จะไม่สามารถเก็บประจุไฟฟ้าได้

2. ดูแลขั้วแบตเตอรี่ให้สะอาด ถ้ามีคราบเกลือเกิดขึ้น ให้ทำความสะอาดโดยใช้น้ำมันจัก หรือ สเปหล่อลื่นยี่ห้ออะไรก็ได้

3. ตรวจระดับน้ำกลั่นแบตเตอรี่ทุกๆ 1เดือน  น้ำกรดในแบตเตอรี่ไม่ควรแห้งเร็วเกิน น้ำกรดไม่ควรเดือดหรือร้อนมากขณะติดรถยนต์

4. การตรวจเช็คระบบไฟชาร์จของอัลเตอร์เนเตอร์ ว่าระบบไฟชาร์จต่ำไปหรือสูงไปหรือไม่ ถ้าต่ำไป จะทำให้กำลังไฟไม่พอขณะสตาร์ทเครื่องยนต์ ถ้าสูงไปจะทำให้ น้ำกรดเดือดและน้ำกลั่นอยู่ภายในระเหยหรือเดือดเร็ว

5. การเลือกซื้อแบตเตอรี่ควรเลือกกระแสให้เหมาะสมกับอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆที่ใช้ภายในรถยนต์

6. ถ้าใช้แบตเตอรี่ กรด ตะกั่ว หรือ แบตMF ควรเติมน้ำกลั่นให้ ไม่เกินระดับ UP LEVEL

สัญญาณเตือนก่อนแบตเตอรี่หมดอายุ                                                

1. เครื่องยนต์มีปัญหาสตาร์ทติดยาก

2. ระบบไฟหน้าไม่สว่างเหมือนเดิม

3. ระบบกระจกไฟฟ้าทำงานได้ช้าลง

4. ระบบไฟฟ้าในรถทำงานผิดปรกติ ติดขัด หรือช้าลง

 

ขั้นตอนในการพ่วงแบตเตอรี่รถยนต์

หากแบตเตอรี่หมดจนสตาร์ทเครื่องยนต์ไม่ติด ต้องแก้ไขด้วยการพ่วงแบตเตอรี่ ตามขั้นตอนต่อไปนี้

1.ตรวจสอบแบตเตอรี่ก่อนพ่วง

แบตเตอรี่ของคุณมีฝาให้ลองดูว่าน้ำกลั่นแข็งหรือแบตเตอรี่แตกไม่ หากเป็นเช่นนั้นห้ามพ่วงแบตเตอรี่เพราะอาจทำให้ได้รับอันตราย

2.เตรียมอุปกรณ์

ในรถยนต์ทุกคันควรมีสายพ่วงแบตเตอรี่ความยาวอย่างน้อย 10 ฟุต แนะนำว่าควรซื้อติดรถไว้เลยเตรียมไว้ในกรณีฉุกเฉินราคาตั้งแต่ 300-1000 บาทแล้วแต่คุณภาพและขนาด หลังจากนั้นต้องหารถยนต์อีก 1 คันมาช่วงพ่วงแบตเตอรี่และตรวจดูว่าแบตเตอรี่ของรถคันนั้นมีกระแสไฟตรงกับรถคุณหรือไม่ สุดท้ายดับเครื่องรถทั้งสองคันก่อนการพ่วงสายแบตเตอรี่

3.วิธีพ่วงสายแบตเตอรี่

ที่แบตเตอรี่แต่ละตัว จะมีขั้วโลหะสองขั้ว คือ ขั้วบวก (+) และขั้วลบ (-) ให้หนีบสายพ่วงที่เป็นขั้วบวกที่รถทั้งสองคันให้ตรงกัน จากนั้นหนีบสายพ่วงขั้วลบเข้ากับรถคันที่มีแบตเตอรี่เต็ม ส่วนอีกด้านต่อกับตัวถังรถของคันที่แบตเตอรี่หมด อย่าให้สายขั้วลบไปแตะกับแบตเตอรีที่หมดหรือตำแหน่งอื่นๆ ที่อยู่ใกล้กับแบตเตอรี่

4.ลองสตาร์ทเครื่องยนต์อีกครั้ง

สตาร์ทติดเครื่องรถยนต์คันที่มีแบตเตอรี่เต็มและทิ้งเอาไว้สัก 3-5 นาที หลังจากนั้นให้ลองสตาร์ทเครื่องรถอีกคันที่แบตหมด อย่าเปิดไฟทิ้งไว้ขณะรอแบตเข้าเพราะจะทำให้แบตเข้าไม่ได้สักที ถ้าไม่ได้ ให้ทิ้งเอาไว้อีกสักพักแล้วลองใหม่อีกครั้ง หากสตาร์ทไม่ติดให้ลองโทรติดต่อกับบริษัทหรือศูนย์จำหน่ายรถยนต์เพื่อสอบถามปัญหาของรถรุ่นนั้นๆ หรือแจ้งบริการรถยกไปอู่รถยนต์ที่คุณใช้บริการเป็นประจำเพื่อตรวจสอบหาสาเหตุและซ่อมแซมรถยนต์ต่อไป



ผู้ตั้งกระทู้ Admin :: วันที่ลงประกาศ 2015-12-30 22:42:33


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.